เลือด
รูปภาพ เลือดบริเวณนิ้วมือ
เลือด (blood) เป็นของเหลวชนิดหนึ่งในร่างกาย ประกอบด้วย น้ำเลือด เกล็ดเลือด เซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว ร่างกายเรามีเลือดอยู่ประมาณ 5 ลิตรหรือคิดเทียบกับน้ำหนักตัวเท่ากับร้อยละ 7-8 ของน้ำหนักตัว
ส่วนประกอบของเลือด
มื่อนำเลือดไปปั่นเหวี่ยงเพื่อทำการแยกชั้น จะพบส่วนประกอบของเลือดต่างๆดังนี้- น้ำเลือด (พลาสมา)
- เม็ดเลือด
- เม็ดเลือดขาว (มีอายุ 7-14วัน) โตกว่าเม็ดเลือดแดง มีหน้าที่ทำลายเชื้อโรค เม็ดเลือดขาวโดนทำลายโดย เชื้อโรค 80% ไขกระดูก และ ม้าม ร่างกายคนมีเม็ดเลือดขาว 5000-10000เซลล์/เลือด 1ml แบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่
2.ลิมโฟไซต์ (lymphocyte) สร้าง "แอนติบอดี้" (Antibody) เพื่อต่อต้านเชื้อโรค
- เกล็ดเลือด
ชนิดของเลือดและส่วนประกอบของเลือด
1. Whole Blood เลือดครบอายุไม่เกิน 21 วัน
2. Fresh Whole Blood คือเลือดครบที่มีอายุไม่เกิน 24 ชั่วโมง
3. Pack Red Cell (PRC) เฉพาะส่วนของเม็ดเลือดแดงโดยแยกเอาส่วน Plasma ออกประมาณ80%
4. White Blood Cell (Leukocytes) สำหรับผู้ป่วยที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำ
5. Platelets เป็นส่วนประกอบของเลือดเฉพาะส่วนของ Platelet concentrate
6. Fresh Frozen Plasma (FFP) เป็นส่วนประกอบของเลือดที่มีเฉพาะส่วนของ Plasma ที่ปั่นแยก มาจาก Fresh Whole
7. Cryoprecipitate เป็นส่วนประกอบของเลือด ที่มี Factor VIII 80-120 หน่วย Fibrinogen 250- 300 mg นอกจากนั้น ยังมี Factor XIII
เลือดเป็นของเหลวที่สำคัญของชีวิต ประกอบด้วยน้ำเลือด เกล็ดเลือด เซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดขาว ในผู้ใหญ่จะมีเลือดอยู่ประมาณ 5.5 ลิตร ไหลเวียนอยู่ในระบบหมุนเวียนเลือด ซึ่งเป็นระบบที่ประกอบด้วยเส้นเลือดจำนวนมาก เลือดช่วยกระจ่ายความร้อนและนำสารที่สำคญซึ่งอยู่ในนํ้าเลือดไปทั่วร่างกาย เซลล์เม็ดเลือดเมื่อแก่จะตายและจะถูกแทนที่ด้วยเซลล์เม็ดเลือดที่สร้างขึ้นมาใหม่ กระบวนการนี้เรียกว่า ฮีโมพอยซิส
Blood constituents
1.Plasma: นํ้าเลือด เป็นของเหลวสีซีดๆ ( มีนํ้าอยู่ประมาณ90%) ซึ่งมีเซลล์เม็ดเลือดลอยอยู่ในนํ้าเลือด จะมีสารอาหารละลายอยู่เพื่อส่งไปให้เซลล์ต่างๆของร่างกาย นอกจากนี้ยังมีแอนติบอดี ซึ่งเป็นสารที่ต้านทานเชื้อโรค มีเอนไซม์ และฮอร์โมน ซึ่งเป็นสารที่ช่วยควบคลุมกระบวนการต่างๆของร่างกายให้เป็นปกติ2.Red blood cells: เซลล์เม็ดเลือดแดง มีรูปร่างเป็นแผ่นแบนเหมือนจาน ไม่มีนิวเคลียส สร้างจากไขกระดูก มีสารฮีโมโกลบิน เซลล์เม็ดเลือดแดงจะรวมกับออกวิเจนในปอดเป็นออกซีฮีโมโกลบิน ทำให้เลือดมีสีแดงสด เซลล์เม็ดเลือดแดงจะนำออกซิเจนไปให้ เซลล์ทั่วร่างกายจะกลับเข้าสู่ปอดด้อยเลือดที่มีฮีโมโกลบิน
3. Platelets: เกล็ดเลือด มีขนาดเล็กมากมีรูปร่างเป็นแผ่นเบน ไม่มีนิวเคลียส สร้างจากไขกระดูก บริเวณที่มีบาดแผลจะมีเกล็ดเลือดจำนวนมาก เพื่อทำหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับการแข็งตัวของเม็ดเลือด
4. White blood cells: เซลล์เม็ดเลือดขาว เป็นเซลล์เม็ดเลือดที่มีขนาดใหญ่ ทำหน้าที่สำคัญในการป้องกันเชื้อโรคให้กับร่างกายมีหลายชนิดเช่น ลิมโฟไซต์ สร้างจากเนื้อเยื่อน้ำเหลือง พบในระบบน้ำเหลือง เซลล์เม็ดเลือดขาวนี้ทำหน้าที่สร้างแอนติบอดี เซลล์เม็ดเลือดขาวอีกชนิดได้แก่ โมโนไซต์สร้างจากไขกระดูก เซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดนี้จะจับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเรียกว่า แมกโครฟาค
Body defence การป้องกันเชื้อโรคของร่างกาย
1.Antigens: แอนติเจน ส่วนใหญ่เป็นสารโปรตีนที่เป้นตัวกระตุ้นหรือ เป็นสาเหตุให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีมาต่อต้านแอนติเจนโดยอาจเป็นแบคทีเรียหรือไวรัส หรืออาจเป็นสารพิษที่ได้จากแบคทีเรียหรือไวรัสก็ได้ แอนติเจนปกติที่พบใน ร่างกายตั่งแต่เกิด คือ แอนติเจนที่เป้นตัวบ่งชี้หมู่เลือดต่างๆ2.Antibodies: แอนติบอดี เป็นสารโปรตีนอยู่ในส่วนที่เป็นของเหลวของร่างกาย สร้างจากเม็ดเลืือดขาวชนิด ลิมโฟไซต์ เมื่อมีแอนติเจนเข้าสู้ร่างกายแอนติบอดี้ชนิดต่างๆ จะมาจับแอนติเจนอย่างเฉพาะเจาะจงเป็นชนิดๆไปซึ่งจะมีปฏิกิริยาแตกต่างกันจะปล่อยสารที่เป็นพิษต่อต้านแอนติเจน โดยแอนติบอดีจะจับกับโมเลกุลของสารพิษ ที่แอนติเจนปล่อยออกมากลายเป็นสารประกอบเชิงซ้อน ของ แอนติเจนกับแอนติบอดีที่เรียกว่าสารประกอบแอนติเจนแอนติบอดี แอนติบอดีชนิดแอกกลูตินินจะจับแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัสซึ่งเป็นแอนติเจนแอนติบอดีอีกชนิดหนึ่ง ชื่อว่า ไลซินจะฆ่าแอนติเจนหรือเชื้อโรคโดยการสลายเยื้อหุ้มเซลล์ชั้นนอกให้เปลี่ยนเป็นสารที่เรียกว่าไฟบรินซึ่งเป็นเส้นใยสานเป็นร่างแหเป้นลิ่มคล้ายก้อนวุ้น
3. Clotting or coagulation : การแข็งตัวของเลือด เลือดที่ข้นขึ้น เพื้อที่จะจับตัวเป็นก้อน หรือแข็งตัวบริเวณบาดแผลนั้น เกิดจากชิ้นส่วนที่แตกของ เกล็ดเลือดและเซลล์ที่ฉีกขาดจะปล่อยสารเคมีที่เรียกว่า ทรอมโบพลาสตินซึ่งสารนี้จะไปกระตุ้นให้โปรทรอมบิน (โปรตีนในนํ้าเลือด) กลายเป็นทรอมบิน(เป็นเอนไซม์)จากนั้นทรอมบินจะไปกระตุ้นไฟบริโนเจน (เป็นโปรตีนอีกชนิดหนึ่งในนํ้าเลือด) ให้เปลี่ยนเปผ้นสารที่เรียกว่า ไฟบริน ซึ่งเป็นเส้นใยสานเป็นร่างแหเป็นลิ่มคล้ายก้อนวุ้น
4.Serum: เซรัม เป็นของเหลวสีเหลืองประกอบด้วยชิ้นส่วนของเลือดที่ ออกมาหลังจากการแข็งตัว มีสารแอนติบอดีหลายชนิด ถ้าฉีดเซรัมให้กับคนทั่วๆไปสารนี้สามารถที่จะเป็นภูมิคุ้มกันชั่วคราวในการต่อต้านการติดเชื้อต่างๆได้
ที่มา http://www.obec.go.th/news/_develop_media/news12/bangkok/17/sec04p01.html
http://www.student.chula.ac.th/~52370169/new_page_1.htm
สืบค้น ณ วันที่ 01/02/2556
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น